ทำความรู้จักกับ 3 ประเภทการส่งพัสดุทางไปรษณีย์ไทย ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

7 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

หลายๆ คนมีความเข้าใจแบบผิดๆว่า ขึ้นชื่อว่าส่งไปรษณีย์จะต้องเป็น EMS ทุกครั้งไป แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ เพราะว่ามันมีหลายประเภทมาก! แล้วแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียและจุดแข็งจุดด้อยต่างกันไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ 3 ประเภทการส่งของที่ได้รับความนิยมมากกันค่ะ

1. ส่งไปรษณีย์แบบลงทะเบียน ( Domestic Parcel )
ข้อมูล: ลักษณะเป็นหีบห่อบรรจุสิ่งของ สินค้าหรือ ตัวอย่างสินค้า จ่าหน้าถึงผู้รับในประเทศ
เงื่อนไข: ขนาดอย่างสูงแต่ละด้านไม่เกิน 1.5 ม. ขนาดอย่างต่ำไม่ต่ำกว่า 90 x 140 มม. ถ้าม้วนกลมด้านยาว + 2 เท่า ของเส้นผ่าศูนย์กลาง ไม่ต่ำกว่า 170 มม. และด้านยาวที่สุด ไม่ต่ำกว่า 100 มม.
น้ำหนักสูงสุด: ไม่เกิน 20 กิโลกรัม

เมื่อส่งพัสดุแบบนี้จะใช้เวลาเท่ากับการส่งแบบปกติ อาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 3-5 วัน ในการจัดส่ง ถ้าระยะทางที่ส่งไกลอาจจะใช้เวลา ถึง 5-7 วัน การส่งแบบลงทะเบียนพัสดุนั้น จะเป็นการรับรองว่าของที่ส่งจะไม่หายแน่ๆ ถ้าหากมีการสูญหาย หรือว่าเสียหาย ทางไปรษณีย์จะชดใช้ให้ ไม่เกิน 300 - 1000 บาท ในกรณีส่งทางไปรษณีย์เกิดการสูญหายหรือเสียหายทั้งหมด เพราะความผิดของทางการไปรษณีย์ ทั้งฝ่ายผู้ฝากส่งหรือผู้รับจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย แถมยังจะได้รับคืนค่าไปรษณียากรและค่าบริการพิเศษเพิ่มด้วยนะ

2. ส่งแบบไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ( EMS )
ข้อมูล: สิ่งของที่คุณส่งจะได้รับการดำเนินการอย่างเร่งด่วนทุกขั้นตอน มีระบบงานพิเศษแยกเป็นเอกเทศจากระบบงาน ไปรษณีย์ตามปกติ การไปรษณีย์ไทย จะคืนค่าบริการให้ ถ้าพัสดุถึงมือผู้รับช้ากว่ามาตรฐานการนำจ่าย หรือถ้ามีการเสียหายหรือสูญหายเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของการไปรษณีย์ ก็จะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายภายในวงเงินที่กำหนด

การชดใช้ในกรณีสูญหายหรือเสียหายของการส่งประเภทนี้ : ไม่เกิน 800 - 1000 บาท และคืนค่าไปรษณียากรและค่าบริการพิเศษ

3. การส่งแบบเก็บเงินปลายทาง
ข้อมูล: ทางเลือกเสริมให้เราสามารถเลือกการส่งแบบเก็บเงินปลายทาง ทั้งกับการส่งแบบพัสดุธรรมดา หรือแม้แต่ทาง EMS ได้ จะแตกต่างกันตรงที่ต้องเสียค่าบริการและค่าธนานัติเพิ่มเติม เมื่อของส่งไปถึงผู้รับ ผู้รับจะได้ใบแจ้งให้ไปชำระเงินที่ไปรษณีย์ภายใน 7 วันหลังจากนั้นของจะถูกส่งตีกลับ เมื่อผู้รับจ่ายเงินและรับของ เงินที่จ่ายจะถูกส่งทางธนานัติ ไปยังผู้ที่ส่ง จากนั้นผู้ที่ส่งจะต้องไปยังไปรษณีย์เพื่อไปรับเงิน โดยนำเอกสารจำพวกบัตรประชาชนไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ด้วย

การชดใช้ในกรณีสูญหายหรือเสียหายของการส่งประเภทนี้ : ไม่เกิน 2000 บาท หลายๆคนอาจจะไม่เคยชินกับการส่งแบบเก็บเงินปลายทางใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาขยายดูรายละเอียดข้อดีข้อเสียกันหน่อยดีกว่า

ข้อดี :
- ยืนยัน 100% ว่าผู้ส่งของได้เงินแน่ๆ และผู้รับได้ของแน่นอน
- มีความเป็นระบบ เชื่อถือได้ -การชดใช้ค่าเสียหายหากมีกรณีสูญหายหรือสินค้าเสียหาย จะอยู่ที่ประมาณ 2000 บาทซึ่งเยอะกว่าการส่ง 2 รูปแบบก่อนหน้า

ข้อเสีย :
- อาจจะยุ่งยากไปซักหน่อยสำหรับคนที่มีเรื่องต้องทำเยอะๆ
- ผู้ส่งเสียเวลาเดินทางไปมาหลายๆรอบเพื่อไปส่งและมารับเงิน
- ถ้าคนรับไม่ยอมมาจ่ายเงิน ผู้ส่งจะเสียเงินเพิ่ม ทั้งขาไปและขากลับ เพราะฉะนั้นควรตกลงกันให้ดีก่อนเสมอนะคะ

ไปรษณีย์แบบลงทะเบียน, ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ, Ems, เก็บเงินปลายทาง